THE BASIC PRINCIPLES OF บทความ

The Basic Principles Of บทความ

The Basic Principles Of บทความ

Blog Article

บทความสารคดี: บทความประเภทนี้จะนำเสนอข้อมูลในแบบที่สร้างสรรค์และออกไปในทางพรรณนามากกว่าบทความข่าวซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลแบบตรงไปตรงมา เรื่องที่นำเสนออาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคล ปรากฏการณ์ สถานที่ หรือเรื่องอื่นๆ

กว่าจะกล้าพูดต่อหน้าคนมากมาย และอีกหลายอย่างที่ล้วนเป็นทักษะ แล้วความรักล่ะ คิดว่าเป็นทักษะไหม? #บทความความรัก

วิทยากร คอลัมนิสต์ นักเขียน นักคิด ที่ปรึกษา จากสายด้านธุรกิจ การตลาด สู่การจัดการบุคคลากร และว่าที่นักจิตวิทยาการปรึกษา

“ก็เขาเก่งนี่” ประโยคที่นัยหนึ่งก็ชื่นชม นัยหนึ่งก็ประชดประชัน แล้วบางทีก็ไม่ใช่ประชดใครแต่ประชดจิตใจตัวเอง จริงอยู่มีหลายเรื่องที่เราเก่งสู้เขาไม่ได้ แต่เราล้วนเก่งขึ้นได้ ทว่าหากต้องแข่งขันกัน เชื่อหรือไม บางเรื่องก็โชคดีที่เราไม่เก่งมาก่อน

บทความ หมายถึงงานเขียนที่เผยแพร่ในสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ผลการวิจัย เผยแพร่ความรู้ การวิเคราะห์ทางการศึกษา การวิพากษ์วิจารณ์ เป็นต้น โดยปกติบทความหนึ่งบทความจะพูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นประเด็นหลักเพียงเรื่องเดียว

ทำความรู้จักประเภทของบทความที่เราต้องการเขียน. เมื่อรู้ตัวว่าต้องการเขียนหัวข้ออะไรและมุ่งเน้นประเด็นใดแล้ว ให้ลองคิดสิว่าหัวข้อและประเด็นนั้นเหมาะจะเขียนเป็นบทความประเภทใด บทความบางประเภทเหมาะสมกับหัวข้อบางหัวข้อ ฉะนั้นมาทำความรู้จักประเภทของบทความว่ามีอะไรบ้างกันดีกว่า บทความข่าว: บทความประเภทนี้จะนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้หรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยปกติเนื้อหาจะครอบคลุมหกคำถามคือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม และอย่างไร

เรื่องที่ครูผู้สอนควรเฝ้าสังเกตนักเรียนเมื่อกลับมาเรียนตามปกติ

หากเปรียบคนที่กำลังลำบากเป็นคนหลงป่า แล้ว “โอกาส” คือมีคนมาชี้ทางบอกว่า “ตรงไปทางนี้จะเจอทางออก” หรือไม่ก็ “ตามเขามาสิ” แล้วเราบางคนพอเดินไปไกลหน่อยก็เลิกเชื่อ, เจอความรก, เจอขวากหนาม, เหนื่อย ลำบากก็จะถอย หรือหันไปหาทางอื่น เปลี่ยนไปฟังคนอื่น พยายามที่จะหาทางที่สบายกว่าโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม คนที่เป็นเช่นนี้จะไม่เคยเข้าใจเลยว่าทางลาดยางมันไม่มี ดังนั้นเมื่อเบี่ยงเบนไปทางอื่นก็เลยยังไม่ได้ออกจากป่า หลงวนต่อไป หรือระหว่างทางเจอทางที่ “เหมือนจะเดินสบาย” ก็เลยเปลี่ยนไปทางนั้น บ่อยครั้งมันจึง “สบายชั่วคราว” แต่สุดท้ายมันไม่ได้พาไปยังปลายทางได้จริง นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมหลายคนลำบากลำบนซ้ำซาก ต่อให้ได้โอกาสใหม่ มีคนมาชี้ว่าไปทางนี้ ก็มีทั้งไม่เชื่อเพราะมองว่าคราวก่อนไปไม่รอด (ไม่โทษตัวเองว่าไม่พยายามต่อเอง) หรืออาจเชื่อ แต่ยังหวังจะง่ายอีก ไปสักหน่อยก็ย่อมเจออุปสรรคอีก ก็ถอยอีก วนเวียนไปเช่นนี้เรื่อย ๆ…

เป้าหมายในการเขียนคือถ่ายทอดเนื้อหาออกมาให้ผู้อ่านเห็นว่าประเด็นในบทความของเรานั้นน่าสนใจ

เขียนแหล่งที่มาของข้อมูล. เขียนว่าเราได้แหล่งข้อมูลมาจากที่ใด เราจะสามารถอ้างแหล่งข้อมูลนั้นได้ โดยปกติข้อมูลเอกสารอ้างอิงประกอบด้วยชื่อผู้เขียน ชื่อบทความ ปี เลขหน้า และผู้จัดพิมพ์

ลึกไปกว่านั้น เวลาคนหลงทางไปเจอคนหลงทางด้วยกันก็พยายามช่วยกัน ก็น้อยนักที่รอด (ก็ในเมื่อไม่มีใครรู้วิธีหลุดจากสิ่งนี้) ที่สุดก็ต้องแยกจากกัน คนเหล่านี้ก็จะบ่นว่า “ทิ้งกันในยามลำบาก” บ้างก็ “วันนี้มองข้ามวันหน้าว่ามาขอแล้วกัน” หรือไม่ก็ “ถ้าผ่านไปได้จะไม่กลับไปมอง” มันก็น่าตลกที่ทำไมไปคาดหวังกับคนที่เขาก็ยังลำบากเหมือนกัน แแต่คนที่ชี้ทางให้ได้กลับกลายเป็นรั้นและต่อต้านประมาณว่า “เขาไม่เข้าใจสถานะของเรา”

“เราไม่ได้มีชีวิตเพื่อแข่งขันกับใคร แต่เรามีชีวิตเพื่อ ‘ใช้ชีวิต’”

อีกหนึ่งบทความสั้นที่ให้แง่คิด ความฉลาด ที่ไม่อาจสรุปได้เสมอไป คงโดนใจใครหลายคนที่กำลังรู้สึกว่าบางคนก็อาจเข้าใจว่าตัวเองนั้นฉลาดแบบผิด ๆ

รายการ — ชิ้นส่วนสารสนเทศที่ถูกจัดวางไว้เป็นรายการเป็นข้อ jun88 ทางเข้า

Report this page